วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของข้าว มันเทศ

ประโยชน์ของข้าว มันเทศ
1.ประโยชน์ของข้าว
เพื่อนๆคะ เราทานข้าวเป็นอาหารหลัก แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าข้าวมีประโยชน์อย่างไรบ้าง วันนี้เล็กมีโอกาสได้อ่านบทความเกี่ยวกับข้าวค่ะ มีเนื้อหาดีมากๆเลยค่ะ เล็กเลยเอามาฝากเพื่อนๆด้วย แล้วเพื่อนๆรู้ไหมค่ะว่า ข้าวมีวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหาร ที่สำคัญต่อร่างกายรวม 20 กว่าชนิดเลยทีเดียวนะคะ แต่กว่าที่จะเป็นข้าวมาให้เราทานกัน ต้องผ่านกรรมวิธีสีเพื่อเอาเปลือกข้าวออก และข้าวที่มีคุณค่าทางอาหารจะต้องผ่านการสีข้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะคะ ก็คือสีเอาแค่เปลือกข้าวออก เหลือจมูกข้าว และรำข้าวไว้ค่ะ เพราะจมูกข้าวและรำข้าวนี้ (เยื่อหุ้มเมล็ดข้าว) และข้าวที่มีคุณค่าทางอาหาร ก็คือ ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมื้อ ข้าวนึ่งก่อนสี ข้าวเสริมวิตามินค่ะ วันนี้เล็กจะพาเพื่อนไปรู้จักข้าวกล้องกันค่ะ ว่ามีประโยชน์อย่างไรค่ะ
ข้าวกล้องนี้ในสมัยก่อนนะค่ะเขาจะเรียกกันว่าข้าวซ้อมมือ หรือข้าวแดงค่ะ และที่เขาเรียกกันว่าข้าวซ้อมมือก็เพราะว่า ในสมัยก่อนเขาจะนิยมตำข้าวทานเองค่ะ โดยจะใช้ครกกระเดื่องตำ จึงเป็นที่มาของชื่อข้าวซ้อมมือค่ะ ในข้าวกล้องนะค่ะจะมีสารอาหารประเภทโปรตีนอยู่ถึง 7-12 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าว และการขัดสีข้าวด้วยนะค่ะ นอกจากสารอาหารประเภทโปรตีนแล้ว ข้าวกล้องยังมีวิตามินต่างๆมากมายเลยทีเดียวค่ะ เช่น
- วิตามินบีรวม ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แขน ขา ไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมอง ทำ ให้เจริญอาหาร
- วิตามินบี 1 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา
- วิตามินบี 2 ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ริมฝีปากบวม ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตาสู้แสงไม่ได้
- แร่ธาตุ ฟอสฟอรัส ซึ่งจะช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
- แร่ธาตุ แคลเซียม จะช่วยลดอาการเป็นตะคริว
- แร่ธาตุทองแดง จะช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
- แร่ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางและช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
นอกจากในข้าวกล้องจะมีสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุประเภทต่างๆแล้วนะค่ะ ในข้าวกล้องก็ยังมีไขมันด้วยค่ะ เพื่อนอ่านแล้วอย่าพึงตกใจ เพราะทานข้าวแล้วจะกลัวอ้วนนะค่ะ เพราะน้ำมันในข้าวกล้อง เป็นน้ำมันที่ไม่มีโคเลสเตอรอล แต่ในข้าวกล้องจะมีวิตามินอีก 1 ชนิดค่ะ วิตามินชนิดนั้นก็คือ ไนอะซินค่ะ ไนอะซินเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อผิวหนัง ลิ้น การทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ และยังจำเป็นต่อระบบประสาทด้วยนะค่ะ เล็กเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่จะเกิดจากการขาดไนอะซินมาให้เพื่อนๆได้ศึกษากันด้วยค่ะ โรคที่เกิดจากการขาดไนอะซินนร้ก็คือ โรคความจำเสื่อม ท้องเสีย และอาการโรคผิวหนังหยาบและอักเสบแดง แล้วถ้าเพื่อนๆทานข้าวกล้องเหมือนอย่างเล็กนะค่ะ เพื่อนก็จะได้กากอาหารค่ะ ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆท้องไม่ผูก และยังช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้อีกด้วยค่ะ

2.มันเทศ" มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า yam ลักษณะของมันเทศเป็นพืชหัวใต้ดิน มีเปลือกบางเป็นสีในโทนชมพูแดงหรือน้ำตาลอ่อน เนื้อมันเทศมีสีในโทนส้มถึงแดง มันเทศ หรือ yam มีลักษณะภายนอกที่ดูคล้ายกับ sweet potato แต่มันทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันทางสายพันธุ์ yam และ sweet potato เป็นพืชที่มีไวตามิน A สูง ซึ่งไวตามิน A มีความสำคัญจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพนก ดังนั้นผู้เลี้ยงนกส่วนใหญ่จึงมักนิยมนำหัวมันทั้งสองชนิดนี้มาเป็นอาหารสำหรับนก
sweet potato เนื้อมันชุ่มฉ่ำ มีรสหวานและมีปริมาณไวตามิน A สูง ให้นกกินดิบได้
yam เนื้อมันแห้ง มีความเป็นแป้งมากและมีไวตามิน A น้อยกว่า sweet potato ควรทำให้สุก มันดิบเป็นพิษ ควรทำมันเทศ (yam) ให้สุกก่อนที่จะนำให้นกบริโภค มิฉะนั้นจะมีความเป็นพิษซึ่งเป็นอันตรายทั้งกับนกรวมถึงคน การทำให้สุกไม่ว่าจะด้วยการต้ม นึ่ง ไมโครเวฟหรืออบ ต่างก็ให้ผลที่ดี ยกเว้นการทอด แต่ที่ให้ผลดีที่สุดคือการอบในเตาอบ ด้วยวิธีการอบน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในหัวมันจะให้ความหวานสูงสุด มากกว่าการทำให้สุกด้วยวิธีอื่นๆ จึงทำให้นกกินมันได้มีรสอร่อยมากขึ้น ซึ่งความหวานตามธรรมชาติของผักผลไม้ไม่เป็นอันตรายกับนก นกแต่ละตัวมีสุขภาพที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงอาจพบว่านกบางตัวอาจมีอาการแพ้มันเทศ(พบน้อยมาก) หากพบปัญหานี้เกิดขึ้นกับนกที่เลี้ยงผู้เลี้ยงนกควรหยุดให้มันเทศ โดยสามารถเปลี่ยนไปให้อาหารชนิดอื่นที่มีไวตามิน A สูงทดแทน เช่น ฝักทองสุก แครอทสดหรือสุก บล็อคโคลี่สดหรือสุก คะน้าสดหรือสุก มันเป็นพืชที่ปลูกในดิน ดังนั้นการเลือกซื้อและขั้นตอนในการทำความสะอาดหัวมันจึงมีความสำคัญ ควรเลือกซื้อหัวมันที่สด สะอาดปราศจากแมลง ไม่มีรอยแตกแยกจนเปิดให้เห็นถึงเนื้อใน เลือกซื้อหัวมันเทศที่ไม่มีการงอกของตาที่จะพัฒนาไปเป็นต้น ส่วนที่เป็นสีเขียว เช่น ต้นใบเถาเป็นพิษ มันเทศสดเก็บรักษาไว้ในที่มืดแห้งเย็นได้นาน 2 สัปดาห์ ห้ามนำมันเทศสดเข้าตู้เย็น วิธีทำ มันเทศอบ
ล้างหัวมันให้สะอาดใช้แปลงขนอ่อนขัดล้าง เพื่อให้คราบดินที่ติดตามผิวของหัวมันหลุดออกให้หมด จากนั้นล้างน้ำสะอาดหลายครั้งจนเห็นว่าสะอาดดี
ตัดส่วนปลายทั้งสองข้างของหัวมันทิ้ง หากหัวมันมีรอยตัดและมีความสกปรกโดยผลจากการเก็บเกี่ยว
นำหัวมันเข้าเตาอบ ความร้อนและระยะเวลาของการอบขึ้นอยู่กับขนาดของหัวมัน
ตรวจเช็คหัวมันเป็นระยะโดยใช้มีดปลายแหลงหรือซ่อมจิ้มลงที่หัวมัน หากหัวมันสุกเนื้อมันจะนิ่ม มีดหรือซ่อมจะทะลุผ่านได้ทั้งหัว
ทิ้งให้มันเย็นตัวจึงลอกเปลือกออก
ตัดเนื้อมันเทศสุกแบ่งเป็นส่วนๆเก็บเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาได้นาน 3 วัน เก็บเข้าช่องแข็งใช้ได้นานกว่า ทำอาหารแช่แข็งให้คลายความเย็นลง โดยนำอาหารจากช่องแข็งใสภาชนะและใส่วางอาหารนั้นในตู้เย็นช่องธรรมดา เพื่อช่วยให้อาหารลดความเย็นลงอย่างช้าๆ หลีกเลี่ยงการทำอาหารแช่แข็งให้คลายความเย็นลง โดยการวางอาหารในอุณหภูมิปกตินอกตู้เย็น เพราะการลดอุณหภูมิของอาหารอย่างรวดเร็ว จะก่อให้เกิดแบคทีเรียในอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพนก (รวมถึงคนด้วย) นกชอบทานอาหารสดที่อุ่นอ่อนๆ ก่อนให้มันเทศกับนกควรนำมันเทศเข้าอุ่นในไมโครเวฟไม่กี่วินาที ในระยะเวลาตามขนาดของชิ้นมันและกำลังวัตต์ของไมโครเวฟ จากนั้นสัมผัสเนื้อมันจนแน่ใจว่าได้ความอุ่นอ่อนๆ จึงให้นกกิน ควรระวัง..เนื้อมันเทศมักอมความร้อน ให้นกได้กินมันเทศสุกทุกวันโดยนำเนื้อมันเทศมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารนก หรือให้นกทานมันเทศล้วนๆ จะช่วยให้นกมีสุขภาพดีมีภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรง

ประโยชน์ของไม้ยาง ไม้สัก

ประโยชน์ของไม้ยาง ไม้สัก
1.ไม้ยาง เป็น ต้นไม้สูงใหญ่ สูงชลูด ไม่มีกิ่งที่ลำต้น มักขึ้นเป็นหมู่ในป่าดิบชื้น และที่ต่ำชุ่มชื้นตามบริเวณใกล้เคียงแม่น้ำลำธารในป่าดิบและป่าอื่นๆ ทั่วไป ต้นบางชนิดสามารถเผาเอาน้ำมันยางได้ (แต่เป็นคนละชนิดกับต้นยางพารา) ลักษณะเนื้อไม้สีแดงเรื่อหรือสีน้ำตาลหม่นเสี้ยนมักตรง เนื้อหยาบ แข็งปานกลางใช้ในร่มทนทานดีเลื่อยไสกบตกแต่งได้ดีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 650 - 720 กิโลเมตรต่อลูกบาศก์เมตร ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป ทำหีบ ที่นิยมใช้กันมากคือใช้เป็นไม้ฝา ไม่คร่าว ฝ้าเพดาน คร่าวฝา

2.ไม้สัก เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ขึ้นเป็นหมู่ในป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือและบางส่วนของภาคกลางและตะวันตก ลักษณะเนื้อไม้สีเหลืองทองนานเข้าจะกลายเป็นสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแก่มีกลิ่น เหมือนหนังฟอกเก่าๆ และมีน้ำมันในตัวมักมีเส้นสีแก่แทรกเสี้ยนตรงเนื้อหยาบและไม่สม่ำเสมอ แข็งพอประมาณแข็งแรงทนทานที่สุดปลวกมอดไม่ทำอันตราย นำไปเลื่อย ไสกบตกแต่งง่าย แกะสลักได้ดี ชักเงาได้ง่ายและดีมากเป็นไม้ที่ผึ่งให้แห้งได้ง่ายและอยู่ตัวดี น้ำหนักโดยประมาณ 640 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ไม้สักเป็นที่นิยมมากในการทำเครื่องเรือนทำบานประตูหน้าต่าง ทำเรือ แกะสลักต่างๆ ปริมาณที่ทำออกจำหน่ายยังมีมากพอสมควร ไม้สักเป็นไม้ที่เป็นสินค้าขาออกและเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก ไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบันนี้ขึ้นอยู่ที่บ้านปางเกลือ ตำบลน้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ มีความสูง 51 เมตร วัดรอบต้นได้ 10.58 เมตร ใช้คนกางแขนโอบรอบต้นได้ไม่น้อยกว่า 8 คน กรมป่าไม้ได้ประมาณอายุต้นสักนี้ไว้ไม่น้อยกว่า 1,500 ปี

ประโยชน์ของสบู่ดำ

สบู่ดำเป็นพืชน้ำมันชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์ทั้งยาง ลำต้น และเมล็ด วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน.... 1. ยางจากก้านใบ ใช้ป้ายรักษาโรคปากนกกระจอก ห้ามเลือด แก้ปวดฟัน แก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว โดยผสมกับน้ำนมมารดาป้ายลิ้น
2. ลำต้น ตัดเป็นท่อนต้มน้ำให้เด็กกินแก้ซางตาลขโมย ตัดเป็นท่อนแช่น้ำอาบแก้โรคพุพอง ใช้เป็นแนวรั้วป้องกันสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ ม้า แพะ เข้าทำลายผลผลิต
3. เมล็ด สามารถนำมาสกัดใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล ใช้บำรุงรากผม ใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยใช้กากที่เหลือจะมีธาตุอาหารหลัก มากกว่าปุ๋ยหมักและมูลสัตว์หลายชนิด และเมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้ท้องเดิน รู้อย่างนี้แล้ว ลองหาสบู่ดำมาใช้ดู แต่อาจจะหายากหน่อย

ประโยชน์ของมะพร้าว

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะพร้าววันนี้เรานำสาระน่ารู้ในประโยชน์ของมะพร้าวและ สรรพคุณของมะพร้าว มาฝากคุณ ๆ ผู้ชื่นชอบ มะพร้าว เป็นชีวิตจิตใจค่ะ แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบมะพร้าวอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะถ้าได้รู้ ประโยชน์ของมะพร้าว และ สรรพคุณของมะพร้าวแล้ว มะพร้าวก็จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่น่าพิศมัยจริง ๆ ค่ะ คุณรู้ไหมค่ะว่าในตัวของมะพร้าวนี้น้ำมะพร้าวดูจะมีสรรพคุณที่มีประโยชน์แบบสุด ๆ มากว่าส่วนอื่น ๆ ของมะพร้าว แต่ก็ใช่ว่าส่วนอื่น ๆ ของมะพร้าวจะไม่มีประโยชน์นะค่ะ ขอบอกว่ามีประโยชน์เหมือนกัน แม้มะพร้าวจะดูไม่เป็นสมุนไพรสักเท่าไหร่แต่ก็รักษาโรคได้ดีทีเดียวค่ะ นั้นเรามาดู สรรพคุณของมะพร้าว และ ประโยชน์ของมะพร้าว กันเลยดีกว่าเนอะธรรมชาติบำบัดถือว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที และยังเป็นประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายด้วย- มะพร้าวมีลำต้นสูง ต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่าง ๆ ของลำต้นมะพร้าวกว่าจะถึงลูกมะพร้าวที่อยู่ข้างบน น้ำมะพร้าวที่ได้มาจึงบริสุทธิ์มาก น้ำมะพร้าวหรือเนื้อมะพร้าวเป็นอาหารที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเพราะบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม ฯลฯ - มะพร้าวเป็นผลไม้ที่มีด่างสูง น้ำมะพร้าวและกะทิสามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไปได้ คนไทยถือกันว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูกได้ ส่วนคนจีนเชื่อว่า มะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลางไม่เป็นทั้งหยินและหยางมีสรรพคุณในการขับพยาธิ- สำหรับคนไข้ที่อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกันให้ดื่มแต่น้ำมะพร้าวอย่าให้ทานอย่างอื่น เพราะร่างกายจะดูดซึมกลูโคสไปใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว- แม่ที่เพิ่งคลอดบุตรไม่มีน้ำนมเพียงพอให้ลูกกินสามารถให้น้ำมะพร้าวเสริมน้ำนมแม่ได้ เพราะมีความบริสุทธ์กว่านมผงหรือนมวัว ไม่มีสารเคมีเจือปนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเด็ก ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นสิวหรือมีรอบเดือนติดต่อกันไม่หยุดให้กินแต่น้ำมะพร้าวอย่างเดียวครั้งที่ดื่มอาการเหล่านั้นอาจจะเพิ่มขึ้นแต่ก็เป็นสิ่งดีเพราะร่างกายถูกกระตุ้นให้ขับของเสียออกมา- น้ำมะพร้าวดื่มได้ทุกวัน ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ นอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังทำให้ร่างกายสดชื่นไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำอัดลม อย่างไรก็ตามคนเป็นโรคไตและโรคเบาหวานไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าว- น้ำมะพร้าวเปิดลูกแล้วควรดื่มเลยไม่ควรทิ้งไว้นาน ถ้าเราตัดหรือหั่นผลไม้อย่าทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมงแม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตามควรกินให้หมดทีเดียว ผลไม้แต่ละอย่างมีพลังชีวิตถ้ากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง หากเก็บทิ้งค้างไว้พลังชีวิตของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ- ปัจจุบันหากต้องการดื่มน้ำมะพร้าวควรต้องระวังเรื่องสารฟอกขาวหากเป็นไปได้ควรซื้อเป็นทะลายมาจากสวนโดยตรง เมื่อต้องการดื่มค่อยตัดทีละลูกจากทะลายในผลมะพร้าวอ่อนจะมีน้ำอยู่ภายในเรียกว่าน้ำมะพร้าว ใช้เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ได้เนื่องจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียม นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังมีคุณสมบัติปลอดเชื้อโรคและเป็นสารละลายไอโซโทนิก (สารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับภายในเซลล์ ซึ่งไม่ทำให้เซลล์เสียรูปทรง) ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงสามารถนำน้ำมะพร้าวไปใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดเวน (หลอดเลือดดำ) ในผู้ป่วยที่มีอาการขาดน้ำหรือปริมาณเลือดลดผิดปกติได้- น้ำมะพร้าวสามารถนำไปทำวุ้นมะพร้าวได้ โดยการเจือกรดอ่อนเล็กน้อยลงในน้ำมะพร้าว- เนื้อในของมะพร้าวแก่ นำไปทำกะทิได้ โดยการขูดเนื้อในเป็นเศษเล็ก ๆ แล้วบีบเอาน้ำกะทิออก- กากที่เหลือจากการคั้นกะทิยังสามารถนำไปทำเป็นอาหารสัตว์ได้- ยอดอ่อนของมะพร้าว หรือเรียกอีกชื่อว่า หัวใจมะพร้าว (coconut’s heart) สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้ ซึ่งยอดอ่อนมีราคาแพงมาก เพราะการเก็บยอดอ่อนทำให้ต้นมะพร้าวตายด้วยเหตุนี้จึงมักเรียก ยำยอดอ่อนมะพร้าวว่า "สลัดเจ้าสัว" (millionaire's salad)- ใยมะพร้าว นำไปใช้ยัดฟูก ทำเสื่อ หรือนำไปใช้ในการเกษตร- น้ำมันมะพร้าว ได้จากการบีบหรือต้มกากมะพร้าวบด นำไปใช้ในการปรุงอาหารหรือนำไปทำเครื่องสำอางก็ได้และในปัจจุบันยังมีการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันมะพร้าวอีกด้วย- กะลามะพร้าว นำไปใช้ทำสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เช่น กระบวย โคมไฟ กระดุม ซออู้ ฯลฯ- ก้านใบ หรือทางมะพร้าว ใช้ทำไม้กวาดทางมะพร้าว- จั่นมะพร้าว(ช่อดอกมะพร้าว)ให้น้ำตาล
สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะพร้าววันนี้เรานำสาระน่ารู้ในประโยชน์ของมะพร้าวและ สรรพคุณของมะพร้าว มาฝากคุณ ๆ ผู้ชื่นชอบ มะพร้าว เป็นชีวิตจิตใจค่ะ แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบมะพร้าวอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะถ้าได้รู้ ประโยชน์ของมะพร้าว และ สรรพคุณของมะพร้าวแล้ว มะพร้าวก็จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่น่าพิศมัยจริง ๆ ค่ะ คุณรู้ไหมค่ะว่าในตัวของมะพร้าวนี้น้ำมะพร้าวดูจะมีสรรพคุณที่มีประโยชน์แบบสุด ๆ มากว่าส่วนอื่น ๆ ของมะพร้าว แต่ก็ใช่ว่าส่วนอื่น ๆ ของมะพร้าวจะไม่มีประโยชน์นะค่ะ ขอบอกว่ามีประโยชน์เหมือนกัน แม้มะพร้าวจะดูไม่เป็นสมุนไพรสักเท่าไหร่แต่ก็รักษาโรคได้ดีทีเดียวค่ะ นั้นเรามาดู สรรพคุณของมะพร้าว และ ประโยชน์ของมะพร้าว กันเลยดีกว่าเนอะ

ธรรมชาติบำบัดถือว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที และยังเป็นประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายด้วย- มะพร้าวมีลำต้นสูง ต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่าง ๆ ของลำต้นมะพร้าวกว่าจะถึงลูกมะพร้าวที่อยู่ข้างบน น้ำมะพร้าวที่ได้มาจึงบริสุทธิ์มาก น้ำมะพร้าวหรือเนื้อมะพร้าวเป็นอาหารที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเพราะบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม ฯลฯ - มะพร้าวเป็นผลไม้ที่มีด่างสูง น้ำมะพร้าวและกะทิสามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไปได้ คนไทยถือกันว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูกได้ ส่วนคนจีนเชื่อว่า มะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลางไม่เป็นทั้งหยินและหยางมีสรรพคุณในการขับพยาธิ- สำหรับคนไข้ที่อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกันให้ดื่มแต่น้ำมะพร้าวอย่าให้ทานอย่างอื่น เพราะร่างกายจะดูดซึมกลูโคสไปใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว- แม่ที่เพิ่งคลอดบุตรไม่มีน้ำนมเพียงพอให้ลูกกินสามารถให้น้ำมะพร้าวเสริมน้ำนมแม่ได้ เพราะมีความบริสุทธ์กว่านมผงหรือนมวัว ไม่มีสารเคมีเจือปนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเด็ก ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นสิวหรือมีรอบเดือนติดต่อกันไม่หยุดให้กินแต่น้ำมะพร้าวอย่างเดียวครั้งที่ดื่มอาการเหล่านั้นอาจจะเพิ่มขึ้นแต่ก็เป็นสิ่งดีเพราะร่างกายถูกกระตุ้นให้ขับของเสียออกมา- น้ำมะพร้าวดื่มได้ทุกวัน ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ นอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังทำให้ร่างกายสดชื่นไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำอัดลม อย่างไรก็ตามคนเป็นโรคไตและโรคเบาหวานไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าว- น้ำมะพร้าวเปิดลูกแล้วควรดื่มเลยไม่ควรทิ้งไว้นาน ถ้าเราตัดหรือหั่นผลไม้อย่าทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมงแม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตามควรกินให้หมดทีเดียว ผลไม้แต่ละอย่างมีพลังชีวิตถ้ากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง หากเก็บทิ้งค้างไว้พลังชีวิตของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ- ปัจจุบันหากต้องการดื่มน้ำมะพร้าวควรต้องระวังเรื่องสารฟอกขาวหากเป็นไปได้ควรซื้อเป็นทะลายมาจากสวนโดยตรง เมื่อต้องการดื่มค่อยตัดทีละลูกจากทะลาย

ในผลมะพร้าวอ่อนจะมีน้ำอยู่ภายในเรียกว่าน้ำมะพร้าว ใช้เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ได้เนื่องจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียม นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังมีคุณสมบัติปลอดเชื้อโรคและเป็นสารละลายไอโซโทนิก (สารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับภายในเซลล์ ซึ่งไม่ทำให้เซลล์เสียรูปทรง) ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงสามารถนำน้ำมะพร้าวไปใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดเวน (หลอดเลือดดำ) ในผู้ป่วยที่มีอาการขาดน้ำหรือปริมาณเลือดลดผิดปกติได้- น้ำมะพร้าวสามารถนำไปทำวุ้นมะพร้าวได้ โดยการเจือกรดอ่อนเล็กน้อยลงในน้ำมะพร้าว- เนื้อในของมะพร้าวแก่ นำไปทำกะทิได้ โดยการขูดเนื้อในเป็นเศษเล็ก ๆ แล้วบีบเอาน้ำกะทิออก- กากที่เหลือจากการคั้นกะทิยังสามารถนำไปทำเป็นอาหารสัตว์ได้- ยอดอ่อนของมะพร้าว หรือเรียกอีกชื่อว่า หัวใจมะพร้าว (coconut’s heart) สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้ ซึ่งยอดอ่อนมีราคาแพงมาก เพราะการเก็บยอดอ่อนทำให้ต้นมะพร้าวตายด้วยเหตุนี้จึงมักเรียก ยำยอดอ่อนมะพร้าวว่า "สลัดเจ้าสัว" (millionaire's salad)- ใยมะพร้าว นำไปใช้ยัดฟูก ทำเสื่อ หรือนำไปใช้ในการเกษตร- น้ำมันมะพร้าว ได้จากการบีบหรือต้มกากมะพร้าวบด นำไปใช้ในการปรุงอาหารหรือนำไปทำเครื่องสำอางก็ได้และในปัจจุบันยังมีการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันมะพร้าวอีกด้วย- กะลามะพร้าว นำไปใช้ทำสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เช่น กระบวย โคมไฟ กระดุม ซออู้ ฯลฯ- ก้านใบ หรือทางมะพร้าว ใช้ทำไม้กวาดทางมะพร้าว- จั่นมะพร้าว(ช่อดอกมะพร้าว)ให้น้ำตาล

ประโยชน์ของยางพารา

ประโยชน์ของยางพารา นำไปผลิตได้หลายอย่าง เช่น - ล้อรถยนต์ - สายพานต่าง ๆ - ยางรองพื้น - ยางรองคอสะพาน - ยางกันกระแทก - ล้อเครื่องบิน - ล้อยางเรเดียม - พื้นรองเท้า - ยางรัดของ - ลูกกอล์ฟ - กาว - พื้นรองเท้า - จุกขวด - พลาสเตอร์ยา - ผ้าก๊อต - ถุงมือ - ลูกโป่ง - ถุงยางอนามัย - ที่นอนฟองน้ำ - เครื่องมือทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ยางพารา หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำน้ำยางพารามาหล่อแบบขึ้นรูป หรือคัดแผ่นยางพาราผสม ที่มีความหนาที่เหมาะสมมาตัด เย็บ หรือยึดเข้าด้วยกันด้วยสารยึดติด อาจประกอบด้วยวัสดุอื่น เช่น ผ้า

ประโยชน์ของพริกไทย

นอกจากจะปลูกรับประทาน ผลพริกไทยเมื่อสุกจะมีสีแดงส้มเป็นพวงสวย เป็นไม้ประดับก็ดูดี เป็นไม้สวนครัวก็ดูเด่น จากจากพริกไทยแห้งที่เป็นเครื่องเทศที่ขาดไม่ได้สำหรับอาหารไทยหลากหลายชนิดแล้ว (เช่นพวกกระเทียมพริกไทย) ยังมีเมนูที่นิยมมีพริกไทยอ่อนเป็นส่วนผสมก็ได้แก่ อาหารจำพวกผัดเผ็ดทั้งหลาย หรือผัดฉ่า เติมไว้เพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ เป็นที่รู้ว่า อาหารจำพวกเนื้อสัตว์นั้นบางชนิดก็ย่อยยาก อย่างหอยหลอดผัดฉ่า เป็นต้น และหากเรากินเมล็ดพริกไทยอ่อนในเมนูเหล่านี้ เราก็จะได้รับประทานยาช่วยย่อย และรักษากระเพาะเข้าไปด้วยโดยอัตโนมัติ ช่วยให้สบายท้องขึ้นอีกเป็นอันมาก
เราใช้พริกไทยในฐานะสมุนไพรมาช้านาน พริกไทยมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยย่อยอาหาร และช่วยถนอมอาหารประเภทเนื้อสัตว์ไม่ให้เน่าเสียง่าย น้ำมันหอมระเหยในพริกไทยช่วยแก้หวัดได้และได้ถูกใช้ไปเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่เราใข้สูดดมเพื่อให้โล่งจูมกอยู่หลายขนาน แต่การนำมาทำสมุนไพรนั้นนิยมใช้พริกไทยดำมากกว่า เพิ่มให้ว่าพริกไทยดำนั้นคือพริกไทยที่แก่จัด ซึ่งกลิ่นและรสนั้นหอมฉุนกว่า ส่วนพริกไทยขาวนั้นคือผลที่ยังไม่แก่

ผลและเมล็ดเป็นส่วนสำคัญที่เรานำมาใช้มาก โดยเฉพาะเมล็ดนั้นสามารถรักษาอาหารปวดกระเพาะอาหาร อาหารคลื่นไส้ อาเจียน ช่วยขับลมในกระเพาะ แก้ท้องเสีย แก้ปวดฟัน แก้ท้องอืด และช่วยย่อย ในแง่นี้คนไทยก็ใช้พริกไทยแห้งในอาหารเพื่อเพิ่มความหอมอยู่แล้วโดยปกติ
พริกไทยอ่อนให้แคลเซียมในปริมาณสูงมาก รองลงมาก็มีทั้งฟอสฟอรัส วิตามินซี และเบต้า-แคโรทีน ที่ช่วยป้องมะเร็ง
ใครคนไหนที่ยังไม่คุ้นกับพริกไทยอ่อน ลองรับประทานดู แรก ๆ อาจเผ็ดร้อนกับรสชาติ แต่หากอดทนลองดูจนคุ้น พริกไทยอ่อนอาจทำให้คุณติดใจในความหอมของกลิ่นเครื่องเทศ และรู้สึกสบายตัวสบายท้อง โล่งจมูก จนพริกไทยกลายเป็นเครื่องเทศที่ต้องมีมาในอาหารประจำของคุณทุกมื้อ

ประโยชน์ของหัวหอม กระเทียม

ประโยชน์ของหัวหอม กระเทียม
หอมเป็นรายการทั่วไปในชั้นห้องครัวโดยเฉพาะในเครื่องเทศชั้น จะคมชัดในรสชาติและมีกลิ่นหอมพิเศษ และถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่สำคัญในอาหารที่แตกต่างกันและสลัดด้วย
หอมถูกใช้เป็นพัน ๆ ปีและยังเป็นที่นิยมในปัจจุบันที่มีการเสมอ ชาวอียิปต์โบราณเคารพบูชามันสำหรับรูปทรงกลมเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตนิรันดร์ หอมเป็นสมาชิกของครอบครัวลิลลี่ซึ่งเป็นญาติสนิทของกระเทียม . ซึ่งมักถูกเรียกว่ากษัตริย์"ผัก"เพราะรสเผ็ดของ หอมคำมาจากคำละติน unio"เดียว"หรือ"หนึ่ง"เพราะพืชหอมผลิตหลอดเดียวเหมือนญาติของกระเทียมที่ผลิตหลอดขนาดเล็กจำนวนมาก ชื่อนี้ยังอธิบายสหภาพ (ยังจาก unio) ชั้นหลายแยกจัด concentrically ของหอม
หอมเป็นพืชที่ปลูกในเกือบทุกประเทศในโลกและบริโภคทั่วโลก ยกเว้นชุมชนไม่กี่ต้นหอมใช้สำหรับปรุงอาหารเพื่อโดยเกือบทุกคน ผักไม่เพียงยืมรสชาติอาหารยอดเยี่ยม แต่ยังเกี่ยวข้องกับการให้หมายเลขประโยชน์สุขภาพเพื่อผู้ใช้ ในความเป็นจริงหอมเป็นว่ามีการรักษาแบคทีเรีย, เชื้อราและโหลดคุณสมบัติเป็นประโยชน์อื่นๆ รายละเอียดบางอย่างให้ด้านล่างนี้
น้ำตาลในเลือดลดผลกระทบ : การเพิ่มขึ้นของการบริโภคหอม, ระดับล่างของกลูโคสพบในช่องปากหรือหลอดเลือดทดสอบความทนทานกลูโคส การทดลองทางคลินิกและหลักฐานแสดงว่าโพรพิ allyl disulfide รับผิดชอบผลและลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเพิ่มปริมาณของอินซูลินว่าง Allyl disulfide โพรพิทำได้โดยแข่งกับอินซูลินซึ่งยัง disulphide เพื่อครอบครองเว็บไซต์ในตับที่อินซูลินเป็น inactivated ผลในการเพิ่มปริมาณอินซูลินสามารถนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ทำให้ลดน้ำตาลในเลือดนี้
Cardiovascular ประโยชน์ : บริโภคปกติของหัวหอมได้เช่นกระเทียม, การแสดงเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลสูงและความดันโลหิตสูงทั้งที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคเบาหวานและลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจของการโจมตีหรือ ผลประโยชน์เหล่านี้มักจะเกิดจากหัวหอม'สารกำมะถัน, โครเมียมและวิตามิน B6 ที่ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจโดยการลดระดับ homocysteine สูงอีกปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือด
สนับสนุนระบบทางเดินอาหารสุขภาพ : การบริโภคปกติของหัวหอมน้อยสองครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงลดลงอย่างมีนัยสำคัญของการพัฒนามะเร็งลำไส้ใหญ่ หัวหอมมีจำนวน flavonoids, ศึกษามากที่สุดซึ่ง quercitin, ได้รับการแสดงเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเนื้องอกในสัตว์และการป้องกันเซลล์ลำไส้ใหญ่จากผลเสียหายของมะเร็งบางอย่างทำให้เกิดสาร
อหิวาตกโรค : หอมหัวใหญ่เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับอหิวาตกโรค ประมาณ 30 กรัมต้นหอมและพริกเจ็ดสีดำ (mirch รอบ) ควรโขลกละเอียดในการบดและให้กับผู้ป่วยของอหิวาตกโรค มัน allays กระหายและร้อนรนและผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น นอกจากนี้ยัง lessens อาเจียนและท้องร่วงทันที
ผมร่วง : การศึกษาพบว่าการใช้น้ำหอมบนหนังศีรษะสองเดือน 2 สัปดาห์จะทำให้ขนผม แน่นอนค่าใช้จ่ายน้อยที่บำรุงผมที่
เหมาะสำหรับผิว : หอมหัวใหญ่จะระคายเคืองผิวหนังและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในเยื่อเมือก หูดก็หายไปบางครั้งถ้าลูบกับหัวหอมหั่น คั่วหรือหัวหอมจะนำไปใช้เป็นยาพอกเพื่อ boils, bruises, wounds ฯลฯ เพื่อนำเดือดที่กำหนดโดยความรู้สึกของ heatyน้ำผลไม้หอมผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมะกอกกล่าวจะดีที่สุดรักษาสิวเงื่อนไข
Boost Bone Health : นมไม่ใช่อาหารที่ช่วยเพิ่มสุขภาพกระดูก หัวหอมยังช่วยรักษากระดูกที่แข็งแรง หัวหอมอาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของโรคกระดูกพรุนที่พวกเขาผ่านวัยหมดประจำเดือน
ต้านการอักเสบและแบคทีเรียกิจกรรม Anti : สารต้านการอักเสบจำนวนมากในหัวหอมทำให้พวกเขาเป็นประโยชน์ในการลดความรุนแรงของโรคไขข้ออักเสบอาการที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขดังกล่าวเป็นอาการปวดบวมของ osteo rheumatoid และการตอบสนองต่อการอักเสบของโรคหอบหืดภูมิแพ้และ แออัดหายใจที่เกี่ยวข้องกับโรคไข้หวัด
ฟันผิดปกติ : ล่าสุดงานวิจัยของแพทย์รัสเซียได้ยืนยันเพิ่มเติมคุณสมบัติของแบคทีเรียหอม ตามผลการวิจัยเหล่านี้ถ้าคนหนึ่งกินหอมสดทุกวันเคี้ยวให้ละเอียดท่านจะถูกป้องกันจาก host ของโรคฟัน
Boost เพศ Drive : หัวหอมจะกล่าวว่าเพื่อเพิ่มชีวิตกระตุ้นทางเพศเพื่อสุขภาพ ช้อนโต๊ะน้ำหนึ่งพร้อมกับหอมหนึ่งช้อนเต็มของน้ำขิงที่สามครั้งต่อวันสามารถเพิ่มความใคร่และไดรฟ์เพศ
รักษาโรคระบบทางเดินปัสสาวะ : สำหรับทรมานจากความรู้สึกที่เขียนในปัสสาวะ, หัวหอมสามารถช่วยบรรเทามาก ผู้ป่วยควรดื่มน้ำต้ม 6-7 กรัมหอม
ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด : หัวหอมจะถือเป็นตัวแทน anti - แข็งตัวธรรมชาติ เนื้อหากำมะถันที่มีอยู่ในหัวหอมปราบปราม clumping ของเกล็ดเลือดจึงช่วยป้องกันการอุดตันเลือด
หอมฉุนมากคือสูงกว่าความเข้มข้นของ phytochemicals สุขภาพในนั้น มีผลข้างเคียงไม่รู้จักยกเว้นกลิ่นเป็น! หนึ่งสามารถกินจำนวนปานกลางของหอมทุกวันเพื่อสุขภาพ Read more:

ประโยชน์ของกระเพรา โหระพา

ใบกะเพรา [Holy Basil] : กะเพรามีอยู่สองชนิด คือ ชนิดที่ใบมีสีเขียว และชนิดที่มีสีออกม่วงปนแดง ซึ่งชนิดหลังจะให้กลิ่นที่หอมและรสชาติเผ็ดกว่าชนิดที่ใบสีเขียว สรรพคุณของกะเพราคือช่วยไล่แก๊สและบรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยขับเหงื่อและลดการวิงเวียนศีรษะ อาการอาเจียน

ใบโหระพา [้Sweet Basil] : มีสีเขียวเข้ม ใบมีลักษณะหนากว่าใบกะเพรา มีกลิ่นหอมและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ โหระพามีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารและลดการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย

ประโยชน์ของป่าน ปอ

ใบป่านศรนารายณ์ ใบสับประรด ให้เส้นใยที่เราใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกับเส้นใยจากส่วนเปลือกหุ้มลำต้นของปอแก้ว ปอกระเจา


น้ำมันพืชที่มี โอเมกา-3 สูง (แถวที่สาม - polyunsatured omega-3 fat / PUFA) >มีอยู่ในน้ำมันเมล็ดปอ-ป่าน หรือแฟลกซีด (flaxseed = 57%), คาโนลา (11%), ถั่วเหลือง(8%) เมล็ดปอ 5 กิโลกรัม สามารถสกัดน้ำมันแบบสกัดเย็น ด้วยเครื่องออยล์เพรส แบบใช้มือเครื่องนี้ ได้มากถึง 2 ลิตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว และราคาขายน้ำมันเมล็ดปอสกัดเย็นเพื่อสุขภาพ ที่เรียกทางการค้าว่า flaxseed oil ชนิด cold press ก็มีราคาดีมากทีเดียว ทำง่ายกว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเสียอีก น้ำมันเมล็ดปอ-แฟลกซ์ นี้ ใครมี เมล็ดปอ/ป่าน จำนวนมาก ก็ลองติดต่อเข้ามาคุยกันดู เพื่อจะเป็นโอกาสที่ไม่ยากเลย ในการสร้างรายได้บีบน้ำมัน จากเมล็ดพืชชนิดนี้ ในครัวเรือนของท่านประโยชน์ของน้ำมันปอ (Flax seed oil)flaxseed มีกรดไขมันชนิด omega-3 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเช่นเดียวกับที่มีอยู่ใน fish oil, canola oil, walnuts, ปลาทูน่าปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาแอนโชวี่ ปลาเทร้าต์ ปลาสเตอร์เจียน ปู กุ้งหอยนางรม คุณสมบัติเด่นของกรดไขมันชนิด omega-3 คือการยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด และ ลด cell damageจากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายโดยเฉพาะต่อระบบเลือด เช่น - ลดการเกิด heart attack ลงได้ 1 ใน 3 - ลดการอุดตันในหลอดเลือด- ลดความดันโลหิตสูง- ลดการเกิดข้ออักเสบ หอบหืด ภูมิแพ้

ประโยชน์ของถั่วเหลือง

ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง : เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ...
ถั่วเหลืองมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ตัวหนึ่งที่โดดเด่นและน่าสนใจคือ กลุ่ม ไอโซฟลาโวนส์ Isoflavones ตัวอย่างเช่น geistein ,daidzeinซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เอสโตรเจนในร่างกาย ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับ
คุณสุภาพสตรี โดยเฉพาะที่มีภาวะหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมการเสริมสร้างกระดูกของร่างกาย และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นของผิวหนัง การทานน้ำนมถั่วเหลือง หรือ เต้าหู้ก็เป็นอีกหนทางที่ดีที่จะช่วยคุณสุภาพสตรีลดหรือบรรเทาอาการข้างเคียงจากภาวะหมดประจำเดือน
คุณประโยชน์อื่นๆที่น่าสนใจยังมีอีกเพราะถั่วเหลืองไม่ได้มีคุณประโยชน์เพียงแค่ผู้หญิง แต่ผู้ชาย จนถึงเด็กๆต่างก็ได้รับประโยชน์จากถั่วเหลืองได้ดังข้อมูลที่จะกล่าวต่อไป:
• มีการวิจัยพบว่า ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ช่วยลดและป้องกัน โรคมะเร็งเต้านม และ บรรเทาอาการ ข้างเคียงจาก ภาวะหมดประจำเดือน
• พบว่า ช่วยป้องกันและแก้ไข โรคหัวใจ เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่มีคอเรสเตอรอล มีไฟเบอร์สูง นอกจากนี้ยังมี โอเมกา 3 และวิตามิน อี
• พบว่าช่วยป้องกันและยับยั้งโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แม้ว่ากลไกในการทำงานของมันเรายังไม่ทราบ แต่นักวิจัยพบว่า ผู้ชายที่รับประทาน
ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองยิ่งมากเท่าไร การเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากยิ่งพบน้อยลง
• ช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากถั่วเหลืองมีไฟเบอร์สูง ไฟเบอร์เหล่านี้จะช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร และจาก การวิจัยยังพบว่าผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ได้
• เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญสำหรับนักมังสวิรัต เพราะถั่วเหลืองมีสารอะมิโน เอซิด ที่จำเป็นต่อร่างกาย
• ใช้แทนน้ำนมวัว ในเด็กที่แพ้นมวัว และ แพ้แลคโตสในนม เราสามารถใช้น้ำนมถั่วเหลืองชดเชยได้
• ใช้เป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะถั่วเหลืองมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบน้อย และยังไม่มีคอเลสเตอรอล
ท่านผู้อ่านก็พอจะเห็นคุณประโยชน์ต่างๆที่มีในถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ หรือ ผลิตภัณฑ์เต้าหู้ ที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้ สำหรับชนผู้รักสุขภาพทั้งหลาย

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เที่ยวผจญภัย
ตำนาน ภูกระดึง

ลุงจิ๊บ...เรื่อง
นอกจาก "นายพราน" ตามตำนานเล่าขานที่ตามกระทิงขึ้นภูกระดึงแล้ว หนึ่งในบุคคลกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ขึ้นไปสำรวจภูกระดึง(หรือน่าจะเป็นชาวต่างชาติคนแรกด้วยซ้ำ) คือ Dr. A. F. G. Kerr ที่ได้ขึ้นไปสำรวจ และเก็บตัวอย่างพรรณไม้แห้งบนภูกระดึง ในอดีต ซึ่งคงน่าสนใจไม่น้อยเพราะ พืชพันธุ์บนภูมีความแตกต่างจากต้นไม้บนพื้นราบรอบข้างอย่างชัดเจน เพราะเป็นพืชประเภทสน ที่อยู่ในเขตอบอุ่นหรือเมืองหนาว
การสำรวจคราวนั้นจะเป็นเมื่อปีพ.ศ.ใดไม่ทราบชัด แต่ในหนังสือ "ป่าไม้และพรรณพฤกษชาติ ภูกระดึง" ของคุณ ธวัชชัย สันติสุข ผู้อำนวยการส่วนพฤกษศาตร์ป่าไม้ นั้นระบุว่าน่าจะเป็นสมัยก่อนหน้าปี 2463 ก่อนหน้าการสร้างพระพุทธเมตตาบนภูกระดึง เส้นทางที่ใช้ก็ขึ้นจากบริเวณบ้านศรีฐาน

อันที่จริง Dr. A. F. G. Kerr เดิมทีเป็นนายแพทย์ชาวไอร์แลนด์ ที่รับราชการอยู่กับรัฐบาลไทย ต่อมาได้หันความสนใจมาสู่เรื่องพันธุ์พืชในประเทศไทย และหันมารับราชการเป็นนักพฤกษศาตร์ จนเป็นหัวหน้ากองตรวจพันธุ์รุกขชาติ กระทรวงพาณิชย์ (ในสมัยนั้นสังกัดกระทรวงพาณิชย์)
จากการค้นคว้าเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต ได้พบว่า คุณหมอท่านนี้ ยังเป็นนักพฤกษศาตร์คนสำคัญของประเทศไทย และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ได้เก็บตัวอย่างพืชพันธุ์กว่า 2 หมื่นชนิดในไทย ในระหว่างการทำงานในช่วงปี 1902- 1932
Dr. A. F. G. Kerr
คุณหมอ Kerr หนึ่งในชาวต่างชาติผู้พิชิตภูกระดึงเป็นพวกแรก ภาพจากเว็บไซต์ภาคภาษาอังกฤษของกรมป่าไม้
ตัวอย่างความสำคัญของคุณหมอจะเห็นได้จาก พันธุ์ไม้ตระกูลบัวผุด (Raffiesia) ที่พบในประเทศไทยได้รับการตั้งชื่อเป็นพันธุ์ของโลก ในปี พ.ศ.2527 ว่า Raffiesia Kerrti Meijer โดย Dr.M.Meijer จากมหาวิทยาลัย Kentucky ประเทศอเมริกา โดยตั้งชื่อพฤกษศาสตร์สากลเพื่อเป็นเกียรติแก่ Dr.A.F.G.Kerr นายแพทย์ไอริช ผู้สำรวจพันธุ์ไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อปี พ.ศ. 2472

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงกบ

การเลี้ยงกบในปัจจุบัน ลูกกบที่นำมาเลี้ยงได้มาจาก 2 แหล่ง คือ
1. ลูกกบจากธรรมชาติ
เป็นการรวบรวกบที่มีอยู่ในธรรมชาติมาเลี้ยงในบ่อ จนกระทั่งได้ขนาดก็จับขาย ามารถแบ่งเป็นขั้นตอนได้ดังนี้
1.1 การรรวบรวมลูกอ๊อดและการอนุบาล ทำการรรวบรวมไข่กบที่ผสมแล้ว จากแหล่งน้ำธรรมชาติมาพาะฟักและอนุบาลในบ่อที่เตรียมไว้ หรืออาจช้อนลูกอ็อดถบที่พบเห็น อยู่ตามธรรมชาติมาเลี้ยงล หรือโดยการจับพ่อแม่พันธุ์กบ ในช่วงต้นฤดูฝนมาเลี้ยงในบ่อเพื่อ ให่ผสมพันธุ์กันและออกไข่ในบ่อเลี้ยง ป็นต้น
อุปสรรดส่าคัญของการจับลูกอ๊อดมาเลี้ยงก็คือ มักจะมีลูกอ๊อดของเขียด หรือคางคกปะปนมาด้วยผู้จับจึงต้องมีความรู้และความชำนาญในการเลือก ข้อสังเกตุง่าย ๆ คือ หัวลูกอ๊อตเขียดจะแหลมกว่าหัวลูกอ๊อดกบ ขนาดตัวก็เล็กกว่ารวมทั้งลายที่หลังและเส้นขาวที่พาด ตามลำตัวก็ไม่เหมือนกัน สีที่ด้านหลังและส่วนท้องก็แตกต่างกัน และถึงแม้จะเป็นลูกอ็อดกบ แต่กบก็มีหลายชนิด เช่น กบบัว ชี่งมีขนาดโตเต็มที่เพียงแค่ 15 กรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์ของผู้เลี้ยง การรวบรวมลูกกบจากธรรมชาติเพื่อนำมาเลี้ยงมีหลายวิธีเช่น
1.1.1 การจับด้วยมือเปล่าโดยใช้ไฟฉายหรือตะเกียงส่องแล้วใช้มือตะปบ จับใส่ถุงผ้าที่สะพายติดตัวไป
1.1.2 การจับด้วยแห จะใช้แหที่มีตาถี่ ทอดเหวี่ยงโดยวิธีเดียวกับการจับปลา
1.1.3 การจับด้วยการขุดหลุมดัก ทำหลุมลึกประมาณ 1 เมตรในบริเวณ ที่มีลูกกบชุกชุม ก้นหลุมวางอาหารผสมหรืออาหารหมักล่อไว์ในตอนเย็น ปากหลุมราดน้ำให้ เปียกชุ่มปรับให้เรียบและลื่นเป็นมัน ลูกกบจะมากินอาหารในตอนกลางคืนแล้วไม่สามารถขึ้น จากหลุมได้ ในตอนเช้าจึงมารวบรวมลูกกบ อย่าปล่อยทิ้งไว้ข้ามวันลูกกบจะมีโอกาสตายได้มาก
1.1.4 การจับด้วยเครื่องมือดัก คล้ายไชดักปลา ด้านหน้ามีทางเข้าทางเดียว ด้านท้ายมีประตูเปิดปิดได้ เมื้อลูกกบเข้าแล้วจะออกไม่ได้ เมื่อต้องการจะใช้งานนำเครื่องมือนี้็ ให้ฝังดินให้พื้นล่างเสมอกับผิวดิน ปิดด้วยหญ้า ราดน้ำพอชุ่ม ด้านหน้าปรับผิวดินให้ลื่น ภายใน เครื้องมือดักใส่อาหารล่อ ลูกกบจะเข้าไปกินอาหารในตอนกลางคืน ตอนเช้าจึงรวบรวมลูกกบที่ได้
1.2 การเลี้ยงลูกกบ ภายหลังจากลูกอ๊อดเจริญกลายเป็นกบแล้ว จะดำเนินการ อนุบาลจนกระทั่งเติบโตได้ขนาดจึงปล่อยลงบ่อเลี้ยง ลูกกบที่ปล่อยลงบ่อเลี้ยงนี้นิยมลูกกบ ที่มีขนาด 3-5 เชนติเมตรขี้นไป หรือถ้ารวบรวมจากธรรมชาติก็ต้องมีขนาดที่ทราบแน่นอนแล้ว ว่าเป็นลูกกบ
2. ลูกกบจากโรงเพาะฟัก เป็นวิธีการเลี้ยงที่ดีที่สุด เพราะจะได้ผลผลิตมากและแน่นอน นอกจากนี้ต้นทุนยังต่ำ สามารถลดปัญหาการบอบช้ำจากการลำเลียงลูกกบจากธรรมชาติได้อีกด้วย วิธีนี้ลูกกบจะได้มา โดยการนำเอาพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่มีลักษณะดีมาผสมกันในบ่อผสมพันธุ์ แลัวนำไข่ท็่ได้มาฟ้กใน บ่อเพาะฟกเพื้อให์ไดัลูกกบ แล้วจึงนำไปอนุบาลต่อในภายหลัง

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ที่มาของสำนวน ตัดหางปล่อยวัด

ตัดหางปล่อยวัด เป็นสำนวนหมายถึง ตัดขาดไม่เกี่ยวข้อง ไม่เอาเป็นธุระอีกต่อไป เช่น เด็กคนนี้ถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดเพราะประพฤติตัวเกกมะเหรกเกเรไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ สำนวนนี้มีที่มาจากการตัดหางไก่แล้วนำไปปล่อยเพื่อสะเดาะเคราะห์หรือแก้เคราะห์ในสมัยโบราณ มีหลักฐานในกฎมนเทียรบาลว่า เมื่อเกิดสิ่งที่เป็นอัปมงคล เช่นมีวิวาทตบตีกันถึงเลือดตกใน พระราชวังต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ โดยเอาไก่ไปปล่อยนอกเมือง เพื่อให้พาเสนียดจัญไรไปให้พ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีประกาศกล่าวถึงการนำไก่ไปปล่อยที่วัดเพื่อสะเดาะเคราะห์ สันนิษฐานว่า ไก่ที่จะนำไปปล่อยที่วัดจะตัดหางเพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเป็นไก่ที่ปล่อย เพื่อการสะเดาะเคราะห์ด้วย

อาหาร

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อาหารไทย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร สมดังคำกล่าวที่ว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" คนไทยรู้จักที่จะนำ ทรัพยากรเหล่านี้มาปรุงเป็นอาหารไทย วิธีปรุงอาหารเป็นมรดกตกทอด ที่ทำสืบเนื่องกันมานับร้อยๆ ปี ปัจจุบันอาหารไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แพร่หลายไปทั่วโลก คนไทยรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก มีอาหารอื่นๆ ประกอบ เช่น แกงเผ็ด ผัดผักต่างๆ หรือผัดเผ็ด เนื้อทอดหรือสิ่งอื่นอีกสักอย่าง อาหารไทยที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่ามีรสอร่อย เป็นสัญลักษณ์ ของคนไทย ได้แก่ น้ำพริกปลาทู แกงเผ็ด ต้มยำกุ้ง หมี่กรอบ และห่อหมก อาหารแต่ละมื้อของคนไทย อาจหาได้จากธรรมชาติรอบตัว เช่น กุ้ง ปลาในน้ำ ผักรอบๆ บ้าน คนไทยนิยมทำสวนครัวไว้หลังบ้าน ช่วยให้มีอาหารรับประทานสะดวก และเป็นการประหยัดด้วย

อาหารหลักของคนไทย

อาหารที่จัดว่าเป็นอาหารหลักของคนไทย อาจจำแนกได้เช่นเดียวกับอาหาร ของชาติอื่นๆ คือ ๑. อาหารที่ให้พลังงานจำพวกแป้ง ได้แก่ ข้าวทุกชนิด เช่น ข้าวเจ้า ข้าวโพด ข้าวเหนียว เป็นต้น รวมทั้งเผือก มันเทศ มันสำปะหลัง และถั่วต่างๆ คนไทยใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำทั้งอาหารคาวและหวาน ขนมไทยมีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วน ประกอบสำคัญ เช่น บัวลอย ถั่วดำต้มน้ำตาล มันแกงบวด เป็นต้น คนไทยส่วนใหญ่รับประทานข้าวทุกมื้อ มื้อเย็นเป็นมื้อที่รับประทานมากที่สุด แต่ปัจจุบันนี้ความนิยมในการรับประทานมื้อเย็นมากที่สุดและการรับประทานข้าวมากกว่า อย่างอื่นๆ ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว ๒. อาหารที่สร้างและซ่อมเสริมร่างกาย ได้แก่ เนื้อ นม ไข่ คนไทยนิยมนำทั้งไข่เป็ดและไข่ไก่มาปรุงเป็นอาหารมากมายหลายอย่าง นอกจากไข่ทั้ง สองชนิดแล้ว ยังมีไข่ปลาจะละเม็ด ไข่นกกระทา และไข่อื่นๆ อีก อาหารที่ทำให้ร่างกาย แข็งแรงคือ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ซึ่งคนไทยทั่วๆ ไปยังรับประทานอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำ เพราะ บางครอบครัวไม่สามารถซื้อหามาได้เนื่องจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจ แต่คนเหล่านั้น




อาจจะรับประทานถั่วต่างๆ และผลิตผลจากถั่ว เช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง ซึ่งมีคุณค่าใกล้ เคียงเนื้อสัตว์ทดแทนได้
๓. อาหารที่ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายทำงาน คือ ไขมันซึ่งได้จากสัตว์และพืช ไขมันจากสัตว์ได้จากมันของสัตว์ต่างๆ เช่น มันหมู มันวัว มันไก่ และไข่แดง ไขมันจากพืชได้จากมะพร้าว ซึ่งคนไทยใช้น้ำกะทิปรุงอาหารทั้งคาว และหวาน นอกจากนั้นยังได้ไขมันจากถั่ว งา และธัญพืชต่างๆ ๔. อาหารที่ป้องกันและต้านทานโรค ได้แก่ ผักและผลไม้ ซึ่งประเทศไทยมีอุดมสมบูรณ์ คนไทยรับประทานทั้งใบ ดอก ผล ต้น เมล็ด ของผัก ซึ่งให้วิตามินสูง เช่น ฟักทอง มะเขือเทศ ตำลึง ผักกาด ผักบุ้ง เป็นต้น ผลไม้ของไทยมี มากมายหลายชนิดหมุนเวียนตลอดปี ผลไม้ให้วิตามินซี วิตามินเอ และเกลือแร่ เช่น มะละกอ มะม่วง ส้ม และกล้วยต่างๆ สามารถรับประทานได้ทั้งสดหรือนำมาต้ม เผา เชื่อม และกวนเก็บไว้ได้ด้วย การปรุงอาหารของคนไทยในปัจจุบัน พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อ ร่างกายเพื่อให้ได้สารอาหารครบทั้ง ๖ พวก คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การเพาะเลี้ยงปลานิล

ปลานิล Tilapia nilotica เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งซึ่งมีคุณค่าทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่ปี 2508 เป็นต้นมา สามารถเลี้ยงได้ในทุกสภาพ การเพาะเลี้ยง ระยะเวลา 1 ปีมีอัตราการเติบโตถึงขนาด 500 กรัม รสชาติดี มีผู้นิยมบริโภคกันอย่างกว้างขวางส่วนขนาดปลาที่ตลาดต้องการจะมีน้ำหนักตัวละ 200-300 กรัม จากคุณสมบัติของปลานิลซึ่งเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว แต่ปัจจุบันปลานิลพันธุ์แท้ค่อนข้าง จะหายาก กรมประมง จึงได้ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ปลาเพื่อให้ได้ปลานิลที่มีลักษณะสายพันธุ์ดี อาทิ การเจริญเติบโต ปริมาณความดก ของไข่ ผลผลิตและความต้านทานโรค เป็นต้น ดังนั้นผู้เลี้ยงปลานิล จะได้ความมั่นใจในการเลี้ยงปลานิลเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำให้เพียงพอต่อการบริโภค


ความเป็นมา
ตามที่พระจักรพรรดิอากิฮิโตเมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นทรงจัดส่ง ปลานิล จำนวน 50 ตัว ความยาวเฉลี่ยตัวละประมาณ 9 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 14 กรัม มาทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2508 นั้น ในระยะแรกได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ปล่อยลงเลี้ยง ในบ่อดินเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางเมตร ในบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อเลี้ยงมา 5 เดือนเศษ ปรากฎว่ามีลูกปลาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่สวนหลวงขุดบ่อขึ้นใหม่อีก 6 บ่อ มีเนื้อที่เฉลี่ยบ่อละประมาณ 70 ตารางเมตร ซึ่งในโอกาสนี้พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่ได้ทรงย้ายพันธุ์ปลาด้วย พระองค์เอง จากบ่อเดิมไป ปล่อยในบ่อ ใหม่ทั้ง 6 บ่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2508 ต่อจากนั้น ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้กรมประมง จัดส่งเจ้าหน้าที่วิชาการมาตรวจสอบการเจริญเติบโตเป็นประจำทุกเดือน
โดยที่ปลานิลนี้เป็นปลาจำพวกกินพืช เลี้ยงง่าย มีรสดี ออกลูกดก เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ในเวลา 1 ปีจะมี น้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม และมีความยาวประมาณ 1 ฟุต จึงได้มีพระราชประสงค์ที่จะ ให้ปลา นี้แพร่ขยายพันธุ์ อันจะเป็นประโยชน์แก่พสกนิกรของพระองค์ต่อไป ดังนั้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2509 จึงทรงพระกรุณาโปรกเกล้าฯ พระราชทานชื่อปลานิลนี้ว่า "ปลานิล" และได้พระราชทานปลานิล ขนาดยาว 3-5 เซนติเมตร จำนวน 10,000 ตัว ให้แก่กรมประมงนำไปเพาะเลี้ยง ขยายพันธุ์ ที่แผนทดลอง และเพาะเลี้ยง ในบริเวณเกษตรกลาง บางเขน และที่ สถานีประมงต่าง ๆ ทั่วพระราชอาณาจักรอีกรวม 15 แห่ง เพื่อดำเนินการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์พร้อมกัน ซึ่งเมื่อ ปลานิลแพร่ขยายพันธุ์ออกไปได้มากเพียงพอแล้ว จึงได้แจกจ่ายให้แก่ราษฎรนำไปเพาะ เลี้ยงตามความ ต้องการต่อไป
รูปร่างลักษณะ
ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลชิคลิดี (Cichlidae) มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ในทวีปแอฟริกา พบทั่วไป ตามหนอง บึง และทะเลสาบ ในประเทศซูดานยูกันดา แทนแกนยีกา โดยที่ปลานิลนี้ เจริญเติบ โตเร็ว และเลี้ยงง่าย เหมาะสมที่จะนำมาเพาะเลี้ยงในบ่อได้เป็นอย่างดีจึงได้รับความ นิยมและ เลี้ยง กันอย่างแพร่หลายในภาคพื้นเอเซีย แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็นิยมเลี้ยงปลาชนิดนี้
รูปร่างลักษณะของปลานิลคล้ายกับปลาหมอเทศแต่ลักษณะพิเศษของปลานิลมีดังนี้คือ ริมฝีปากบนและล่าง เสมอกัน ที่บริเวณแก้มมีเกล็ด 4 แถว ตามลำตัวมีลายพาดขวางจำนวน 9-10 แถบ นอกจากนั้นลักษณะทั่วไปมีดังนี้ ครีบหลังมีเพียง 1 ครีบ ประกอบด้วยก้านครีบแข็งและก้านครีบอ่อน เป็นจำนวนมาก ครีบก้นประกอบด้วยก้านครีบ แข็งและอ่อนเช่นกันมีเกล็ด ตามแนวเส้นข้างตัว 33 เกล็ด ลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาล ตรงกลางเกล็ดมีสีเข้ม ที่ กระดูก แก้มมีจุดสีเข้มอยู่จุดหนึ่ง บริเวณส่วนอ่อนของ ครีบหลัง ครีบก้น และครีบหางนั้นจะมีจุดสีขาว และสีดำ ตัดขวางแลด คล้ายลายข้าวตอกอยู่โดยทั่วไป

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความฝันของฉัน

หน้าที่และความรับผิดชอบของครู
1. บทนำ คำว่า หน้าที่ (Duty) ตามความหมายใน Dictionary of Education นั้น หมายถึง สิ่งที่ทุกคนต้องทำ โดยปกติแล้วภาวะจำยอมจะเป็นไปตามหลักศีลธรรมแต่บางครั้งก็เป็นไปตามกฎหมายหรือข้อตกลง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ได้ให้ความหมายของ หน้าที่ ไว้ ดังนี้ คือ กิจที่ควรทำ,กิจที่ต้องทำ,วงแห่งกิจการ, สำหรับคำว่า ความรับผิดชอบ ให้ความหมายไว้ ดังนี้ คือการยอมรับตามผลที่ดีและไม่ดีในกิจการที่ได้กระทำไป webster s third New Internetionary dictionary ได้ให้คำนิยามของ ความรับผิดชอบ ไว้ ดังนี้ - ความรับผิดชอบด้านศีลธรรม กฎหมาย หรือ จิตใจ - ความไว้ใจ ความเชื่อถือได้ Dictionary of Education ได้ให้ความหมายของความรับผิดชอบไว้ ไว้ว่า “หน้าที่ประจำของแต่ละบุคคล เมื่อเขาได้รับมอบหมายให้งานอย่างใดอย่างหนึ่ง” ส่วนความหมายของครู ในที่นี้จะอธิบายตามรูปคำภาษาอังกฤษ คือ “Teachers” โดยสรุปจากคำอธิบายของ ยนต์ ชุ่มจิต ในหนังสือ ความเป็นครู ดังนี้ (ยนต์ ชุมจิต 2531: น. 49–55) T (Teaching) – การสอน หมายถึง การอบรมสั่งสอนศิษย์ให้มีความรู้ ความสามารถในวิชาการทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งถือว่าเป็นงานหลักของครูทุกคนทุกระดับชั้นที่สอน ตามระเบียบคุรุสภาว่าด้วยจรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู พ.ศ. 2526 ข้อ 3 กำหนดไว้ว่า ครูต้องตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตนให้แก่ศิษย์จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานมิได้ และในข้อ 6 กำหนดไว้ว่า ครูต้องถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพรางไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนเองไปใช้ในทางที่ทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษยชาติ จากข้อกำหนดทั้ง 2 ข้อ ที่นำมากล่าวนี้จะเห็นว่าหน้าที่ของครูที่สำคัญคือการอบรมสั่งสอนศิษย์ การถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ศิษย์ โดยเฉพาะในข้อ 3 ของระเบียบประเพณีของครู พ.ศ. 2526 นี้ ถือว่าการอบรมสั่งสอนศิษย์เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก จะละทิ้งหรือทอดทิ้งไม่ได้เพราะถ้าหากครูละทิ้งการสอนก็คือครูละทิ้งหน้าที่ของครูซึ่งการกระทำเช่นนั้นจะมีผลต่อการเจริญเติบโตทางความคิดและสติปัญญาของศิษย์เป็นอย่างมาก กล่าวคือ ศิษย์ของครูจะไม่ได้รับการพัฒนา ความคิด ความรู้ และสติปัญญา หรือได้รับบ้างแต่ก็ไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร ดังนั้นครูทุกคนควรตระหนักในการสอนเป็นอันดับแรกโดยถือว่าเป็นหัวใจของความเป็นครูคือการอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดีมีความรู้ในวิทยาการทั้งปวง ซึ่งการที่ครูจะปฏิบัติหน้าที่ในการสอนของครูได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์นั้น ซึ่งสำคัญที่ครูต้องเพิ่มสมรรถภาพในการสอนให้แก่ตนเอง E(Ethics)-จริยธรรม หมายถึงหน้าที่ในการอบรมจริยธรรมให้แก่นักเรียนซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่หลักอีกประการหนึ่งนอกจากการสั่งสอนในด้านวิชาความรู้โดยทั่วไปนอกจากนี้ครูทุกคนจะต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีจริยธรรมอันเหมาะสมอีกด้วยเพราะพฤติกรรมอันเหมาะสมที่ครูได้แสดงออกจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการปลูกฝังศรัทธาให้ศิษย์ได้ปฏิบัติตาม A ( Academic) – วิชาการ หมายถึง ครูต้องมีความรับผิดชอบในวิชาการอยู่เสมอ กล่าวคือ ครูต้องเป็นนักวิชาการอยู่ตลอดเวลา เพราะอาชีพของครูต้องใช้ความรู้เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ ดังนั้นครูทุกคนต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เป็นประจำ หากไม่กระทำเช่นนั้นจะทำให้ความรู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมานั้นล้าสมัย ไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการใหม่ ๆ ซึ่งมีอย่างมากมายในปัจจุบัน C (Cultural Heritage) – การสืบทอดวัฒนธรรม หมายถึงครูต้องมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมจากคนรุ่นหนึ่งให้ตกทอดไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง หรือ รุ่นต่อ ๆ ไป ซึ่งมีวิธีการที่ครูจะกระทำได้ 2 แนวใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ 1. การปฏิบัติตามวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามอย่างถูกต้องเป็นประจำ กล่าวคือ ครูทุกคนจะต้องศึกษาให้เข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติอย่างถ่องแท้เสียก่อน ต่อจากนั้นจึงปฏิบัติตามให้ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้ศิษย์และประชาชนทั่วไปยึดถือเป็นแบบอย่าง เช่น - การแต่งกายให้เหมาะสมตามโอกาสต่าง ๆ - การแสดงความเคารพและกิริยามารยาทแบบไทย ๆ - การจัดงานมงคลสมรส 2. การอบรมสั่งสอนนักเรียนให้เข้าใจในวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทยอย่างถูกต้อง และในขณะเดียวกันก็กระตุ้นส่งเสริมให้นักเรียนได้ประพฤติปฏิบัติตามให้ถูกต้องตามแบบฉบับอันดีงามที่บรรพบุรุษได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา H ( Human Relationship) – มนุษย์สัมพันธ์ หมายถึง การมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีของครูต่อบุคคลทั่วๆไป เพราะการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้ครูสามารถปฏิบัติหน้าที่ของครู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีของครูยังช่วยทำให้สถาบันศึกษาที่ครูปฏิบัติงานอยู่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอีกด้วย ดังนั้น ครูทุกคนจึงควรถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบอีกประการหนึ่งที่จะต้องคอยผูกมิตรไมตรีอันดีระหว่าง บุคคลต่าง ๆ ที่ครูมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย มนุษย์สัมพันธ์ระหว่างครูกับบุคคลต่าง ๆ อาจจำแนกได้ ดังนี้ ครูกับนักเรียน ครูกับนักเรียนนับว่าเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกันมากที่สุด จนกระทั่งในอดีตยกย่องให้ครูเป็นบิดาคนที่สองของศิษย์ ผู้ปกครองเมื่อส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนก็ฝากความหวังไว้กับครู กล่าวคือ มอบภาระต่าง ๆ ในการอบรมดูแล ลูกหลานของตนให้แก่ครู ดังนั้น ครูจึงควรปฏิบัติหน้าที่ของครูให้สมบูรณ์ที่สุด และควรสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีระหว่างครูและศิษย์ให้แน่นแฟ้น ให้ศิษย์มีความรู้สึกฝังใจตลอดไป วิธีการที่ครูควรจะทำต่อศิษย์ เช่น 1. สอนศิษย์ให้เกิดความสามารถในการเรียนรู้ในวิชาการต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่ครูจะกระทำได้ 2. สอนให้นักเรียนหรือศิษย์ของตนมีความสุขเพลิดเพลินกับการเล่าเรียนไม่เบื่อหน่าย อยากจะเรียนอยู่เสมอ 3. อบรมดูแลความประพฤติของศิษย์ให้อยู่ในระเบียบวินัยหรือกรอบของคุณธรรม ไม่ปล่อยให้ศิษย์กระทำชั่วด้วยประการทั้งปวง 4. ดูแลความทุกข์สุขอยู่เสมอ 5. เป็นที่ปรึกษาหารือ ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ศิษย์ ครูกับครู ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับครูนับว่ามีความสำคัญมากที่สุดต่อการพัฒนาวิชาชีพครู เพราะครูกับครูที่ทำงานสอนอยู่สถานศึกษาเดียวกัน เปรียบเสมือนบุคคลที่เป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน หากสมาชิกในครอบครัวเดียวกันมีความสมานสามัคคีอันดีต่อกันแล้ว นอกจากจะทำให้การอบรมสั่งสอนนักเรียนเป็นไปอย่างมีคุณภาพแล้ว ยังช่วยให้การปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ การพัฒนาสถานศึกษาและการพัฒนาวิชาชีพครูก็จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว วิธีที่ครูควรปฏิบัติต่อครู เพื่อสร้างมนุษย์สัมพันธ์ต่อกัน เช่น 1. ร่วมมือกันในการอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติอย่างสม่ำเสมอ 2. ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทางด้านวิชาการ เช่น การแนะนำการสอน, แนะนำเอกสาร หรือแหล่งวิทยาการให้ 3. ช่วยเหลืองานส่วนตัวซึ่งกันและกันเท่าที่โอกาสจะอำนวย 4. ทำหน้าที่แทนกันเมื่อคราวจำเป็น 5. ให้กำลังใจในการทำงานซึ่งกันและกัน ซึ่งอาจจะแสดงออกในรูปของวาจาหรือการกระทำก็ได้ 6. กระทำตนให้เป็นผู้มีความสุภาพอ่อนน้อมต่อกันเสมอ ไม่แสดงตนในทำนองยกตนข่มท่าน หรือแสดงตนว่าเราเก่งกว่าผู้อื่น ครูกับผู้ปกครอง ผู้ปกครองนักเรียนเป็นบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งนับว่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาเล่าเรียนของศิษย์และความก้าวหน้าของสถานศึกษา โรงเรียนใดที่สามารถโน้มน้าวให้ผู้ปกครองนักเรียนเข้ามาใกล้ชิดโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ โรงเรียนนั้นจะสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วทั้งด้านคุณภาพการเรียนของนักเรียนและการพัฒนาสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและสังคมรอบ ๆ โรงเรียน วิธีการที่ครูสามารถสร้างมนุษย์สัมพันธ์กับผู้ปกครองนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น 1. แจ้งผลการเรียนหรือความเจริญก้าวหน้าของศิษย์ให้ผู้ปกครองนักเรียนทราบเป็นระยะ ๆ 2. ติดต่อกับผู้ปกครองเพื่อช่วยแก้ปัญหาของศิษย์ในกรณีที่ศิษย์มีปัญหาทางการเรียน ความประพฤติ สุขภาพ อื่น ๆ 3. หาเวลาเยี่ยมเยียนผู้ปกครองเมื่อมีโอกาสอันเหมาะสม เช่น เมื่อได้ข่าวการเจ็บป่วย หรือสมาชิกในครอบครัวถึงแก่กรรม เป็นต้น 4. เชิญผู้ปกครองร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน เช่น การแข่งขันกีฬา ประจำปี งานแจกประกาศนียบัตร หรืองานชุมนุมศิษย์เก่า เป็นต้น 5. เมื่อได้รับเชิญไปร่วมงานของผู้ปกครองนักเรียน เช่น งานอุปสมบท งานขึ้นบ้านใหม่ งานมงคลสมรส เป็นต้น ต้องพยายามหาเวลาว่างไปให้ได้ 6. ครูควรร่วมมือกันทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความรู้และอาชีพให้ผู้ปกครองและประชาชนในท้องถิ่นบ้าง จะทำให้ประชาชนเห็นความสำคัญของครูมากยิ่งขึ้น 7. เมื่อชุมชนได้ร่วมมือกันจัดงานต่าง ๆ เช่น งานประจำปีของวัด หรือ งานเทศกาลต่าง ๆ ครูควรให้ความร่วมมืออยู่อย่างสม่ำเสมอ 8. ครูควรแจ้งข่าวสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง โดยให้ผู้ปกครองได้ทราบเป็นระยะ ๆ ซึ่งอาจจะส่งข่าวสารทางโรงเรียน หรือการติดประกาศตามที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านก็ได้ นอกจากครูจะต้องพยายามสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ดังกล่าว ซึ่งถือว่า เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับครู และครูก็ต้องเกี่ยวข้องด้วยตลอดเวลาแล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลอื่น ๆ ที่ครูจะต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีด้วยอีก เช่น พระภิกษุกับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ในวัดซึ่งโรงเรียนตั้งอยู่ จะมีส่วนช่วยให้การดำเนินการงานต่าง ๆ ของ โรงเรียนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากขึ้น ส่วนประชาชนทั่วไปนั้นหากได้รับความประทับใจ เมื่อมาติดต่องานกับโรงเรียน ก็จะเป็นส่วนเป็นพลังอีกส่วนหนึ่งที่คอยสนับสนุนงานการศึกษาของโรงเรียนให้ก้าวหน้าต่อไป E (Evaluation) – การประเมินผล หมายถึงการประเมินผลการเรียนการสอนนักเรียนซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งของครูเพราะการประเมินผลการเรียนการสอนเป็นการวัดความเจริญก้าวหน้าของศิษย์ในด้านต่างๆหากครูสอนแล้วไม่มีการประเมินผลหรือวัดผลครูก็จะไม่ทราบได้ว่าศิษย์มีความเจริญก้าวหน้าในด้านใดมากน้อยเพียงใด ดังนั้น ครูจึงควรจะระลึกอยู่เสมอว่า ณ ที่ใดมีการสอน ทีนั่นจะต้องมีการสอบ สำหรับการประเมินผลการเรียนการสอนของนักเรียนนั้น ครูสามารถใช้วิธีการต่าง ๆ ได้หลายวิธี ทั้งนี้อาจจะใช้หลาย ๆ วิธีในการประเมินผลครั้งหนึ่งหรือเลือกใช้เพียงวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ในการประเมินผลการเรียนการสอนนั้นมีหลายวิธี เช่น 1. การสังเกต หมายถึง การสังเกตพฤติกรรมการทำงาน การร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือความตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียน เป็นต้น 2. การสัมภาษณ์ หมายถึง การสัมภาษณ์เพื่อต้องการทราบความเจริญก้าวหน้าทางด้านการเรียนของนักเรียน ซึ่งอาจจะเป็นการสัมภาษณ์ในเนื้อหาวิชาการที่เรียน วิธีการเรียน หรือวิธีการทำงาน เป็นต้น 3. การทดสอบ หมายถึง การทดสอบความรู้ในวิชาการที่เรียน อาจจะเป็นการทดสอบทางภาคทฤษฎีหรือภาคปฏิบัติก็ได้ ถ้าจะให้ได้ผลดียิ่งขึ้นก็ควรมีการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในการเรียนการสอนทุก ๆ วิชา 4. การจัดอันดับคุณภาพ หมายถึง การนำเอาผลงานของนักเรียนแต่ละคนในกลุ่มมาเปรียบเทียบกันในด้านคุณภาพ แล้วประเมินคุณภาพของนักเรียนแต่ละคนว่าคนใด ควรอยู่ในระดับใด 5. การใช้แบบสอบถามและแบบสำรวจ เป็นวิธีการประเมินผลการเรียนอีกแบบหนึ่ง เพื่อสำรวจตรวจสอบคุณภาพการเรียนการสอนทั้งของนักเรียนและของครู 6. การบันทึกย่อและระเบียนสะสม เป็นวิธีที่ครูจดบันทึกพฤติกรรมความเจริญก้าวหน้าของนักเรียนแต่ละคนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร 7. การศึกษาเป็นรายบุคคล หมายถึง เป็นวิธีการที่นิยมใช้กับนักเรียนที่มีปัญหาเป็นรายบุคคล ปัญหาในที่นี้หมายความว่า ควบคุมทั้งเด็กที่เรียนเก่งและเด็กที่เรียนอ่อนรวมทั้งเด็กมีปัญหาในด้านพฤติกรรมต่าง ๆ ด้วย 8. การใช้วิธีสังคมมิติ เป็นวิธีการที่นิยมใช้เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มเดียวกันประเมินคุณภาพของบุคคลในสมาชิกเดียวกัน เพื่อตรวจสอบดูว่า สมาชิกคนใดได้รับความนิยมสูงสุดในด้านใดด้านหนึ่งหรือหลาย ๆ ด้านก็ได้ 9. การให้ปฏิบัติและนำไปใช้ เป็นวิธีการที่ครูต้องการทราบพัฒนาการทางด้านทักษะหรือการปฏิบัติงานของนักเรียนหลังจากที่ได้แนะนำวิธีการปฏิบัติให้แล้ว การประเมินผลการเรียนการสอนทุก ๆ วิชา ครูควรประเมินความเจริญก้าวหน้าของนักเรียนหลาย ๆ ด้าน ที่สำคัญ คือ 1. ด้านความรู้ (Cognitve Domain ) คือ การวัดความรู้ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินผล 2. ด้านเจตคติ ( Affective Domain) คือ การวัดความรู้สึก ค่านิยม คุณธรรมและจริยธรรมของนักเรียนในด้านต่าง ๆ เช่น ความตรงต่อเวลา ความมีระเบียบวินัย ความเอื้อ เฟื้อเผื่อแผ่ และความขยันขันแข็งในการทำงาน เป็นต้น 3. ด้านการปฏิบัติ (Psychomotor Domian) คือการวัดด้านการปฏิบัติงานเพื่อต้องการทราบว่านักเรียนทำงานเป็นหรือไม่หลังจากที่ได้ศึกษาภาคทฤษฎีแล้ว การวัดด้านการปฏิบัติงานหรือด้านทักษะนี้ ครูจะใช้มากหรือน้อยจะต้องขึ้นอยู่กับลักษณะวิชาที่สอน วิชาใดเน้นการปฏิบัติงานก็จำเป็นต้องมีการวัดด้านการปฏิบัติงานให้มาก ส่วนวิชาใดเน้นให้เกิดความงอกงามทางด้านสติปัญญา การวัดด้านการปฏิบัติงานก็จะลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ในการเรียนการสอนทุก ๆ วิชาควรจะมีการวัดในด้านการปฏิบัติงานบ้างตามสมควร R (Research) – การวิจัย หมายถึง ครูต้องเป็นนักแก้ปัญหา เพราะการวิจัยเป็นวิธีการแก้ปัญหาและการศึกษาหาความจริง ความรู้ที่เชื่อถือได้โดยวิธี การวิจัยของครูในที่นี้ อาจจะมีความหมายเพียงแค่ค้นหาสาเหตุต่าง ๆ ที่นักเรียนมีปัญหาไปจนถึงการวิจัยอย่างมีระบบในชั้นสูงก็ได้ สาเหตุที่ครูต้องรับผิดชอบในด้านนี้ก็เพราะในการเรียนการสอนทุก ๆ วิชา ควรจะต้องพบกับปัญหาต่าง ๆ อยู่เสมอ เช่น ปัญหาเด็กไม่ทำการบ้าน เด็กหนีโรงเรียน เด็กที่ชอบรังแกเพื่อน และเด็กที่ชอบลักขโมย เป็นต้น พฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าครูสามารถแก้ไขได้ก็จะทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การที่ครูจะแก้ไขปัญหาการเรียนการสอนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ครูจะต้องทราบสาเหตุแห่งปัญหานั้น วิธีการที่ควรจะทราบสาเหตุที่แท้จริงได้ ครูจะต้องอาศัยการวิจัยเข้ามาช่วย ดังนั้น หน้าที่ของครูในด้านการค้นคว้าวิจัยจึงเป็นงานที่ครูจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ครูทุกคนจึงควรศึกษากระบวนการวิจัยให้มีความรู้ ความเข้าใจด้วย ขั้นตอนในการวิจัยที่สำคัญมี ดังนี้ 1. การตั้งปัญหา 2. การตั้งสมมุติฐานเพื่อแก้ปัญหา 3. การรวบรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 5. สรุปผล สำหรับขั้นตอนของการทำงานวิจัยควรดำเนินงานตามลำดับต่อไปนี้ 1. การเลือกปัญหาสำหรับการวิจัย 2. การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. การจำกัดขอบเขตและการให้คำจำกัดความของปัญหา 4. การตั้งสมมุติฐาน 5. การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 6. การสร้างเครื่องมือสำหรับการวิจัย 7. การรวบรวมข้อมูล 8. การวิเคราะห์และการแปลความหมายข้อมูล 9. การสรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ 10. การรายงานผลการวิจัย S (Service) บริการ หมายถึง การให้บริการ คือ ครูจะต้องให้บริการแก่สังคมหรือบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ดังต่อไปนี้ 1. บริการความรู้ทั่วไป ให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง ประชาชนในท้องถิ่น 2. บริการความรู้ทางด้านความรู้และสุขภาพอนามัย โดยเป็นผู้ให้ความรู้หรือเป็นผู้ประสานงานเพื่อดำเนินการให้ความรู้แก่ประชาชน 3. บริการด้านอาชีพ เช่น ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นเพื่อจัดฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นให้ประชาชนในท้องถิ่น 4. บริการให้คำปรึกษาหารือทางด้านการศึกษาหรือการทำงาน 5. บริการด้านแรงงาน เช่น ครูร่วมมือกับนักเรียนเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน 6. บริการด้านอาคารสถานที่แก่ผู้ปกครองนักเรียนที่มาขอใช้อาคารสถานที่ในโรงเรียนด้วยความเต็มใจ 2. หน้าที่และความรับผิดชอบของครู 1. สอนศิลปวิทยาให้แก่ศิษย์ ซึ่งถือเป็นหน้าที่สำคัญสำหรับครู ครูที่ดีต้องทำการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาการสอนให้สอดคล้องกับความสามารถและความสนใจของนักเรียน นอกจากนั้นต้องสามารถให้บริการการแนะแนวในด้านการเรียน การครองตน และรักษาสุขภาพอนามัย จัดทำและใช้สื่อการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งสามารถปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นและสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน 2. แนะแนวการศึกษาและอาชีพที่เหมาะสมให้แก่ศิษย์ เพื่อช่วยให้ศิษย์ของตนสามารถเลือกวิชาเรียนได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ครูต้องคำนึงถึงสติปัญญา ความสามารถ และความถนัดของบุคลิกภาพของศิษย์ด้วย 3. พัฒนาและส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของศิษย์ โดยการจัดกิจกรรม ซึ่งมีทั้งกิจกรรมการเรียนการสอนในหลักสูตร และกิจกรรมการเรียนการสอนนอกหลักสูตร 4. ประเมินผลความเจริญก้าวหน้าของศิษย์ เพื่อจะได้ทราบว่า ศิษย์ได้พัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้ามากน้อยเพียงใดแล้ว การประเมินผลความเจริญก้าวหน้าของศิษย์ควรทำอย่างสม่ำเสมอ 5. อบรมคุณธรรม จริยธรรม ความมีระเบียบวินัย และค่านิยมที่ดีงามให้แก่ศิษย์ เพื่อศิษย์จะได้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมในวันหน้า 6. ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหน่วยงานและสถานศึกษา ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติครูและจรรยาบรรณครู เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ 7. ตรงต่อเวลา โดยการเข้าสอนและเลือกสอนตามเวลา ทำงานสำเร็จครบถ้วนตามเวลาและรักษาเวลาที่นัดหมาย 8. ปฏิบัติงาน ทำงานในหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ 9. ส่งเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถของคน โดยการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอครูไทยในสมัยกรุงสุโขทัยถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นคือพระภิกษุ สมัยนั้นภาระหน้าที่ของพระภิกษุที่เป็นครู คือต้องบิณฑบาตมาเลี้ยงดูศิษย์อบรมศิษย์ในทางศาสนานอกจากนั้นครูจะสอนเขียนอ่านหนังสือไทยและบาลีกิจกรรมในแต่ละวันจะแสดงให้ทราบถึงหน้าที่ของพระที่เป็นครูคือในช่วงเช้าหลังจากที่ท่านฉันข้าวเสร็จ มีการเรียนเขียนอ่าน ต่อหนังสือ ท่องบ่น ตอนก่อนเพล เด็กก็จะต้องเตรียมการให้พระฉันเพลหลังอาหารกลางวันเด็กก็ฝึกหัดเขียน อ่าน ท่องบ่น พระก็จำวัด พอถึงเวลาบ่าย 1 โมง หรือ 2 โมงพระก็ตื่นนอนมาตรวจให้และสอบดูผู้เขียนอ่านไปตอนเช้าว่าถูกต้องเพียงใด คนที่แม่นยำก็ได้เรียนต่อเติมขึ้นไป บางแห่งมีการตรวจสอบในตอนเช้า ตอนบ่ายจึงเรียนเขียนอ่านต่อ ถ้าใครเกียจคร้านก็จะถูกตีด้วยไม้ บ่าย 4 โมงครึ่ง หรือ 5 โมง จึงเลิกเรียน วันหยุดเรียนได้แก่วันพระ และวันที่มีพิธีต่าง ๆ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2507 ).

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์หมายถึง
รายละเอียด
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวณหรือเครื่องจักรกลที่มนุษย์มาเพื่อใช้ผ่อนแรงกาย และกำลังสมองในการทำงานของมนุษย์นั้น ๆ โดยการ ป้อนข้อมูล และคำสั่ง คอมพิวเตอร์ก็จะทำการประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ให้โดยทั่วไปคอมพิวเตอร์จะมีด้วยกัน 3 ขนาด คือ1.1 MATNFRAME COMPTER เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ มีความสามารถในการเก็บบันทึกข้อมูลได้เป็นจำ นวนมาก และประมวลผลได้รวดเร็ว1.2 MINI COMPUTER เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กรองลงมาจาก MAINFRAME มีความสามารถในการเก็บข้อ มูลได้เป็นจำนวนมาก และประมวลผลได้รวดเร็วใกล้เคียง MAINFRAME1.3 MICRO COMPUTER หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า PRESONAL COMPUTER (PC ) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กเหมาะสมกับการใช้งานทั่วๆ ไป ที่มีการเก็บข้อมูลไม่มากนัก ความเร็วในการประมวลผลนั้นขึ้นอยู่กับเครื่องแต่ละระดับ2. องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์ (COMPUTER SYSTEM) ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างคือ2.1 HARDWARE คือ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีส่วนประกอบ 4 ส่วน ได้แก่2.1.1 หน่วยรับข้อมูล (INPUT UNIT) ทำหน้าที่ในการรับข้อมูลหรือคำสั่งจากผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในส่วนนี้ ได้แก่ KEYBOARD เป็นต้น2.1.2 หน่วนประมวลผลกลาง (CENTRAL PROCESSING UNIT หรือ CPU) เป็นศูนย์กลางการควบคุมการทำงานของ คอมพิวเตอร์ โดยควบคุมการทำงานของหน่วยต่าง ๆ ให้ทำงานสอดคล้องกัน ประกอบด้วย1) รีจีสเตอร์ (Register) เป็นหน่วยความจำประเภทหนึ่งซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลอยู่ในหน่วยประมวลผลกลาง ก่อนที่หน่วยประมวลผลกลางจะทำการประมวลผลจะต้องเรียกข้อมูลและโปรแกรมจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในรีจีสเตอร์ก่อน2) หน่วยควบคุม (Control Unit) มีหน้าที่ควบคุมการทำงานทั้งหมด ได้แก่ควบคุมการทำงานของหน่วยคำนวณและตรรก ควบคุมการทำงานของหน่วยรับและแสดงผลข้อมูล ควบคุมการรับและส่งข้อมูลระหว่างหน่วยความจำหลักกับรีจีสเตอร์3) หน่วยคำนวณและตรรก (Arithmetic and Logical Unit) เรียกย่อว่า ALU มีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์และตรรก2.1.3 หน่วยแสดงผล (OUTPUT UNIT) หมายถึงอุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกลาง เพื่อให้ผู้ใช้ได้เห็นหรือเก็บผลลัพธ์ที่ได้ไว้ในสื่อเก็บข้อมูล อุปกรณ์แสดงผลได้แก่ จอภาพ (Monitorป เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องขับจานแม่เหล็ก (Disk drive)2.1.4 หน่วยความจำ (MEMORY UNIT) แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ2.1.4.1 หน่วยความจำหลัก (Main Memory) มี 2 อย่างคือ หน่วยความจำชนิดอ่านและเขียน (RAM หรือ Access Memory) หมายถึง หน่วยความจำที่สามารถบันทึกข้อมูลหรือคำสั่งได้ ซึ่งข้อมูลที่ถูกบันทึกนี้สามารถจะเรียกมาใช้งานหรือแก้ไขได้ หน่วยความจำชนิดนี้จะต้องมีไฟมาหล่อเลี้ยง ถ้าหากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือไฟตกข้อมูลหรือคำสั่งที่อยู่ในหน่วยความจำชนิดนี้จะถูกลบหายหมด2) หน่วยความจำชนิดอ่านอย่างเดียว (ROM หรือ Read Only Memory) หมายถึง หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่งอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขได้ ข้อมูลหรือคำสั่งถูกเก็บอยู่ในหน่วยความจำชนิดนี้จะยังคงอยู่ได้ตลอดเวลาแม้ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือไฟตก ปกติแล้วข้อมูลที่เก็บบันทึกจะเกี่ยวกับการตรวจสอบภายในเครื่องคอมพิวเตอร ซึ่งทางโรงงานผู้ผลิตเครื่องจะเป็นผู้บันทึกข้อมูลมาให้2.1.4.2 หน่วยความจำสำรอง (Secondary Memory) หมายถึงหน่วยความจำภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้แก่ สื่อต่าง ๆ ที่ใช้เก็บข้อมูลเพิ่มจากหน่วยความจำหลัก เช่น จานแม่เหล็ก (DISK) แถบบันทึก (TAPE) เป็นต้นหมายเหตุ หน่วยที่วัดพื้นที่ของหน่วยความจำ1 BYTE = 1 ตัวอักษร1 KILO BUTE (KB) = 1,024 BYTE1 MEGA BYTE (MB) = 1,024 KILO BYTE (KB)1,048,576 BYTE2.2 SOFTWARE หมายถึง โปรแกรมต่างๆ ที่สั่งให้เครื่องทำงานตามที่เราต้องการซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ2.2.1 Operating System (OS) โปรแกรมควบคุมระบบทำงานของเครื่องทั้งหมด ซึ่งถ้าขาดโปรแกรมระบบนี้แล้วจะทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องได้ ตัวอย่าง ของระบบควบคุมต่าง ๆ เหล่านี้ได้แก่1) Dos (Disk Operating System)2) Os/2 (Operating System / 2)3) Unix4) Xenixฯลฯ2.2.2 Assambler หรือ Compiles Software เป็นโปรแกรมหรือ Software ที่เป็นส่วนที่แปลภาษาของมนุษย์ให้เป็นภาษาเครื่อง โดยภาษามนุษย์ต้องอยู่ในรูปแบบของภาษาที่กำหนดได้แก่1) ภาษา Basic2) ภาษา C3) ภาษา Fortran4) ภาษา Cobol5) ภาษา Pascal6) ภาษา Prolog2.2.3 Application Software หรือโปรแกรมประยุกต์ คือ โปรแกรมสำหรับการใช้งาน ตามความต้องการของผู้ใช้ มีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท1) ประเภทการคำนวณ (SPREADSHEET) เป็นโปรแกรมที่ช่วยในด้านการคำนวณ การเก็บข้อมูล การสร้างกราฟ การสร้างสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเหมาะกับงานทางด้านเก็บข้อมูล ประกอบกับมีการคำนวณตัวเลข การวิเคราะห์ผลจากรูปกราฟ การทำงบการเงิน การวางแผน เป็นต้น โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม LOTUS 1-2-3 , โปรแกรม SYMPHONY เป็นต้น2) ประเภทการจัดการฐานข้อมูล (DATABASE) เป็นโปรแกรมที่ช่วยในด้านการเก็บข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ ซึ่งสามารถทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ง่าย ความสะดวกรวดเร็วในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ การจัดเรียงลำดับข้อมูลและสามารถสรุปผลเป็นรายงานเหมาะสมสำหรับงานเก็บข้อมูล เช่น ประวัติพนักงาน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม DBASE III , PLUS, โปรแกรม DBASE IV , โปรแกรม FOXPRO เป็นต้น3) ประเภทการจัดพิมพ์เอกสาร (WORD PROCESSOR) เป็นโปรแกรมที่เน้นในเรื่องของการจัดพิมพ์เอกสาร จดหมาย จดหมายเวียน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม CU WRITER , โปรแกรม WORD STAR, โปรแกรม WORD PERFECT , โปรแกรม WORD ราชวิถี , โปรแกรม SAHAVIRIYA WORD เป็นต้น4) ประเภทพิเศษ เป็นโปรแกรมที่ออกมาเพื่อใช้งานเฉพาะด้าน เช่น ด้านบัญชี การออกแบบโครงสร้างอาคาร เป็นต้น โปรแกรมประเภทนี้ เช่น GENEUS เป็นโปรแกรมเกี่ยวกับบัญชี AUTOCAD เป็นโปรแกรมที่ช่วยในงานทางด้านสถาปนิคและวิศวกร เป็นต้น2.3 PEOPLEWARE หมายถึง บุคลากรที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้ 5 ระดับดังนี้2.3.1 System Manager ผู้จัดการระบบ มีอำนาจสูงสุด2.3.2 System Analysist นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ2.3.3 Programmer นักเขียนโปรแกรม2.3.4 Operator ผู้ควบคุมดูแลและบำรุงรักษา เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรม2.3.5 User ผู้ใช้งาน3. ภาษาคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานด้วยตัวของมันเองได้ ต้องมีมนุษย์ควบคุมโดยการป้อนคำสั่งต่าง ๆ ให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซึ่งคำสั่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะใช้ภาษาทางคอมพิวเตอร์เขียนขึ้นมา ภาษาทางคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระดับดังนี้3.1 ภาษาระดับต่ำ (Low level Language) ได้แก่ 3.1.1 ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาที่ยากมาก คำสั่งแต่ละคำสั่งใช้รหัส (code) ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขล้วน ๆ แต่เครื่องสามารถเข้าใจคำสั่งได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านทรานซิสเตอร์ เช่น 01,001,010 เป็นต้น3.1.2 ภาษาแอสแซมบลี (Assembly Language) เป็นภาษาที่ปรับปรุงและพัฒนามาจากภาษาเครื่องแต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร บางครั้งเรียกว่า ภาษาสัญลักษณ์ (Symbolic Language) 3.2 ภาษาระดับสูง (High level Language) ได้แก่3.2.1 ภาษา FORTRAN ย่อมาจาก FORmula TRANslation เป็นภาษาที่เหมาะกับงานทางด้าน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์3.2.2 ภาษา COBOL ย่อมาจาก Common Business Oriented Language เป็นภาษาที่เหมาะกับงานธุรกิจ3.2.3 ภาษา BASIC ย่อมาจาก Beginner's All-Purpose Symbolic Instruction Code เป็นภาษาที่มีรูปแบบเข้าใจง่าย สามารถประยุกต์โปรแกรมเข้ากับงานต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ภาษานี้เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษา คอมพิวเตอร์ ภาษาระดับสูงยังมีอีกมากมาย เช่น RPG, PL/1, PASCAL เป็นต้น ในบรรดาโปรแกรมคำสั่งต่าง ๆ ที่มนุษย์ใช้สั่งให้ Computer ทำงานจะมีโปรแกรมตัวหนึ่งที่สำคัญซึ่งจะขาดเสียมิได้ คือ Operating System ซึ่งโปรแกรมนี้จะเก็บไว้ที่แผ่น Diskette